เมื่อพูดถึงการ เทรนนิ่งพนักงาน หลายองค์กรมักมุ่งเน้นไปที่การพัฒนากลุ่ม Talent หรือพนักงานที่มีศักยภาพสูง โดยเชื่อว่าการลงทุนในกลุ่มนี้จะสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากที่สุด แต่ในความเป็นจริง การเทรนนิ่งที่เน้นเฉพาะกลุ่ม Talent อาจนำไปสู่ผลกระทบที่ไม่คาดคิดและสร้างความเสียหายต่อบรรยากาศการทำงานและประสิทธิภาพโดยรวมขององค์กร
การมองข้ามพนักงานกลุ่มอื่นอาจไม่ใช่เรื่องที่จงใจ แต่เมื่อการสนับสนุนและโอกาสถูกกระจุกอยู่ที่กลุ่ม Talent เท่านั้น พนักงานส่วนที่เหลืออาจรู้สึกว่าตนเองไม่สำคัญ ถูกละเลย หรือไม่มีคุณค่าในสายตาองค์กร ซึ่งสิ่งนี้ไม่เพียงทำลายขวัญกำลังใจ แต่ยังอาจนำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่กว่าทั้งในเชิงการทำงานและวัฒนธรรมองค์กร
ขวัญกำลังใจที่ถูกบั่นทอน
การมุ่งเทรนนิ่งพนักงานเพียงกลุ่ม Talent โดยมองข้ามพนักงานกลุ่มอื่นอาจสร้างความรู้สึกว่าองค์กรมีการเลือกปฏิบัติ ซึ่งส่งผลต่อความรู้สึกของพนักงานในวงกว้าง พนักงานที่ไม่ได้รับการพัฒนาอาจรู้สึกว่าตนเองไม่มีคุณค่าและไม่มีโอกาสเติบโต ส่งผลให้เกิดความไม่พอใจหรือความเฉื่อยชาในการทำงาน ซึ่งอาจลุกลามไปสู่การลดลงของประสิทธิภาพโดยรวมในทีม
บรรยากาศการทำงานที่เต็มไปด้วยความรู้สึก “ไม่เท่าเทียม” ยังสามารถลดทอนความร่วมมือระหว่างทีม พนักงานอาจเริ่มตั้งคำถามถึงเหตุผลที่ต้องทุ่มเทหากพวกเขาไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเท่าเทียมกัน สิ่งนี้อาจส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมองค์กรและทำให้พนักงานขาดความภักดีต่อบริษัท
สูญเสียศักยภาพของพนักงานกลุ่มอื่น
พนักงานทุกคนมีศักยภาพที่สามารถพัฒนาได้ หากได้รับการเทรนนิ่งที่เหมาะสม การมุ่งพัฒนาเฉพาะกลุ่ม Talent หมายความว่าองค์กรกำลังพลาดโอกาสที่จะค้นพบและปลดล็อกศักยภาพของพนักงานคนอื่นที่อาจมีความสามารถซ่อนเร้น การละเลยพนักงานกลุ่มนี้ไม่เพียงแค่ลดโอกาสในการเพิ่มขีดความสามารถขององค์กร แต่ยังทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนเป็น “ฟันเฟือง” ที่ไม่มีความสำคัญ
ในความเป็นจริง พนักงานที่ไม่ได้ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม Talent อาจมีความพร้อมและความสามารถในการรับผิดชอบงานสำคัญ หากได้รับการพัฒนาทักษะและโอกาสที่เท่าเทียม การเทรนนิ่งที่ครอบคลุมจึงเป็นการเปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมในการพัฒนาธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ความเสี่ยงที่ Talent จะจากไป
แม้ว่าองค์กรจะทุ่มเททรัพยากรในการพัฒนากลุ่ม Talent แต่ก็ไม่มีการรับประกันว่าพนักงานกลุ่มนี้จะอยู่กับองค์กรไปตลอด การพัฒนา Talent ที่มากเกินไปโดยไม่ดูแลพนักงานกลุ่มอื่น อาจทำให้ Talent เองรู้สึกว่าตนมีตัวเลือกที่ดีกว่าและพร้อมจะย้ายไปยังองค์กรที่เสนอเงื่อนไขที่ดีกว่า การสูญเสีย Talent ที่องค์กรลงทุนไปอาจเป็นการเสียทรัพยากรสองต่อ ทั้งในแง่ของค่าใช้จ่ายและศักยภาพที่หายไป
ในขณะเดียวกัน หากองค์กรให้ความสำคัญกับพนักงานในทุกระดับ พนักงานที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม Talent ก็อาจรู้สึกถึงความผูกพันและพร้อมที่จะทุ่มเทเพื่อองค์กร ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเสียพนักงานที่มีคุณค่าไปโดยไม่จำเป็น
การสร้างสมดุลในการเทรนนิ่ง
องค์กรที่ประสบความสำเร็จคือองค์กรที่มองเห็นศักยภาพในตัวพนักงานทุกคน การเทรนนิ่งพนักงานอย่างสมดุลหมายถึงการมอบโอกาสให้ทุกคนได้เรียนรู้และพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นการจัดหลักสูตรที่เหมาะกับแต่ละตำแหน่งหรือการสนับสนุนให้พนักงานได้สำรวจเส้นทางการเติบโตของตัวเอง
การสร้างสมดุลในการเทรนนิ่งยังช่วยเสริมสร้างวัฒนธรรมที่พนักงานทุกคนรู้สึกว่ามีคุณค่าในองค์กร และพร้อมที่จะร่วมกันสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับทีม การทำเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าองค์กรต้องลดการสนับสนุน Talent แต่หมายถึงการขยายโอกาสให้กับพนักงานทุกระดับ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งจากฐานรากของทีม
เทรนนิ่งพนักงานต้องครอบคลุม ไม่ใช่แค่กลุ่ม Talent
การเน้น เทรนนิ่งพนักงาน เฉพาะกลุ่ม Talent อาจดูเหมือนเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะสั้น แต่ในระยะยาวอาจสร้างผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในทีมและศักยภาพโดยรวมขององค์กร การพัฒนาแบบครอบคลุมที่สนับสนุนพนักงานทุกคนจะช่วยเสริมสร้างความเท่าเทียม ความผูกพัน และประสิทธิภาพขององค์กรได้ดีกว่า
เพราะในท้ายที่สุด พนักงานทุกคนมีบทบาทสำคัญในความสำเร็จขององค์กรอย่างแท้จริง