ปัญหาของการเรียนรู้ที่จบแค่ในห้องอบรม
หลายองค์กรลงทุนจัดเทรนนิ่งพนักงาน มีทั้งวิทยากรที่เชี่ยวชาญ เนื้อหาที่ทันสมัย และกิจกรรมที่น่าสนใจ แต่เมื่อผ่านไปไม่กี่สัปดาห์ ทุกอย่างก็ค่อย ๆ หายไป พนักงานกลับมาทำงานเหมือนเดิม ความรู้ที่ได้จึงกลายเป็นเพียงความทรงจำ ไม่ใช่พฤติกรรมใหม่ที่สร้างผลลัพธ์จริง
“การเทรนนิ่งจะไม่มีค่า หากสิ่งที่เรียนถูกเก็บไว้ในสมุดบันทึก แต่ไม่ถูกนำมาใช้ในชีวิตการทำงาน”
ความแตกต่างระหว่างการรู้กับการทำ
การรู้คือการเข้าใจทฤษฎี แต่การทำคือการเปลี่ยนความรู้ให้กลายเป็นพฤติกรรมที่เห็นได้จริง ความแตกต่างนี้คือสิ่งที่ตัดสินว่าเทรนนิ่งจะเป็นเพียงกิจกรรม หรือจะเป็นพลังที่เปลี่ยนแปลงทีมได้จริง
วิธีเปลี่ยนความรู้ให้กลายเป็นการลงมือทำ
การเทรนนิ่งที่มีพลังต้องออกแบบให้ผู้เข้าร่วมไม่เพียงได้ฟัง แต่ได้ทดลองลงมือในสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกับความจริงที่สุด
ตัวอย่างการออกแบบเพื่อการลงมือทำ
ถ้าเทรนนิ่งเรื่องการสื่อสาร ต้องมีการ role play ที่พนักงานได้ลองเผชิญกับบทสนทนาที่ท้าทายจริง
ถ้าเทรนนิ่งเรื่องการแก้ปัญหา ต้องให้พนักงานได้ทำ workshop กับปัญหาที่องค์กรกำลังเผชิญอยู่
ถ้าเทรนนิ่งเรื่องการเป็นผู้นำ ต้องให้หัวหน้าได้ลองโค้ชทีมจริง และได้รับ feedback สด ๆ ในห้อง
เมื่อพนักงานได้ลองทำในพื้นที่ปลอดภัย พวกเขาจะกล้าพอที่จะนำไปใช้จริงในที่ทำงาน
บทบาทของการติดตามหลังเทรนนิ่ง
การลงมือทำครั้งเดียวไม่พอ การติดตามผลคือสิ่งที่ช่วยให้ความรู้กลายเป็นความเคยชิน เช่น การให้หัวหน้าตรวจสอบว่าใครนำสิ่งที่เรียนไปใช้บ้าง การโค้ชเสริมหลังอบรม หรือการแชร์ประสบการณ์ระหว่างทีม สิ่งเหล่านี้ทำให้พฤติกรรมใหม่ไม่หายไป แต่ถูกใช้ซ้ำจนฝังลึก
ปรากฏการณ์เมื่อความรู้ถูกเปลี่ยนเป็นการทำ
องค์กรที่ทำให้ความรู้กลายเป็นการลงมือทำจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน เช่น ทีมบริการที่เคยทำงานตามสคริปต์เริ่มใช้การฟังเชิงลึกจริง ทีมขายที่เคยเล่าตามสไลด์เริ่มปรับวิธีพูดให้ตรงกับลูกค้ามากขึ้น หรือหัวหน้าที่เคยสั่งงานตรง ๆ เริ่มใช้วิธีโค้ชเพื่อให้ทีมคิดเอง
สิ่งเหล่านี้คือผลลัพธ์ที่วัดได้และจับต้องได้จริง
“การเรียนรู้ที่แท้จริงไม่ได้วัดจากจำนวนหัวข้อที่เข้าใจ แต่วัดจากจำนวนพฤติกรรมใหม่ที่ถูกนำมาใช้”
สุดท้าย เทรนนิ่งที่ทรงพลังคือเทรนนิ่งที่เปลี่ยนการทำงานจริง
องค์กรที่มองเห็นคุณค่าของการเทรนนิ่งจะไม่พอใจกับการที่พนักงานแค่เข้าใจ แต่จะต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในการทำงานจริง เพราะนั่นคือจุดที่การลงทุนในการเทรนนิ่งคืนค่าและสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจได้
หากองค์กรของคุณต้องการเทรนนิ่งพนักงานที่ไม่หยุดอยู่ที่ความรู้ แต่ต่อยอดจนกลายเป็นการลงมือทำจริง The Blacksmith พร้อมช่วยออกแบบโปรแกรมที่สร้างการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงให้กับทีมของคุณ
“การเทรนนิ่งไม่ใช่เครื่องมือซ่อมทีม แต่คือเครื่องมือเสริมทีมให้แข็งแรงกว่าเดิม”
การมองจุดแข็งคือจุดเริ่มต้นของการเติบโต
ทีมที่ดีไม่ได้เกิดจากการไม่มีจุดอ่อน แต่เกิดจากการใช้จุดแข็งให้ได้เต็มที่ การเทรนนิ่งที่มุ่งขยายจุดแข็งจะทำให้พนักงานรู้สึกภูมิใจในสิ่งที่ทำได้ดี และพร้อมจะผลักดันศักยภาพนั้นให้สูงขึ้น ตัวอย่างเช่น พนักงานที่เก่งการนำเสนออยู่แล้ว อาจได้รับการเทรนนิ่งขั้นสูงเพื่อพัฒนาเป็นวิทยากรภายในองค์กร สิ่งนี้สร้างคุณค่าที่มากกว่าการแก้ไขข้อบกพร่องเล็กน้อย
ทำไมการขยายจุดแข็งจึงมีพลังมากกว่า
เพราะเมื่อพนักงานทำในสิ่งที่ตนเองถนัด พวกเขาจะมีแรงจูงใจและความสุขในการเรียนรู้มากกว่า พลังงานบวกที่เกิดขึ้นนี้ไม่เพียงทำให้พวกเขาเก่งขึ้น แต่ยังส่งต่อไปยังทีมรอบข้าง เกิดเป็นบรรยากาศการทำงานที่เต็มไปด้วยการสนับสนุนและแรงผลักดัน
การออกแบบเทรนนิ่งเพื่อขยายจุดแข็ง
การเทรนนิ่งที่เน้นจุดแข็งต้องเริ่มจากการรู้จักทีมและพนักงานเป็นรายบุคคล ว่าอะไรคือสิ่งที่พวกเขาทำได้ดีอยู่แล้ว แล้วจึงหาวิธีเสริมให้แข็งแรงขึ้น
ตัวอย่างการออกแบบ
ถ้าทีมมีคนที่เก่งการคิดเชิงกลยุทธ์ องค์กรอาจจัดเทรนนิ่งที่ช่วยต่อยอดให้พวกเขาสามารถวิเคราะห์เชิงลึกและนำทีมได้
ถ้าทีมมีคนที่เก่งด้านการประสานงาน องค์กรอาจเสริมด้วยคอร์สการสร้างความร่วมมือข้ามแผนก
สิ่งเหล่านี้ทำให้จุดแข็งของแต่ละคนกลายเป็นจุดแข็งของทั้งทีม
ปรากฏการณ์เมื่อทีมได้ขยายจุดแข็ง
องค์กรที่ลงทุนกับการขยายจุดแข็งผ่านการเทรนนิ่งมักพบว่าทีมมีความมั่นใจมากขึ้น พนักงานรู้สึกว่าองค์กรเห็นคุณค่าในสิ่งที่พวกเขาทำได้ดี ไม่ใช่คอยจับผิดในสิ่งที่ขาดหาย และสิ่งนี้ทำให้พวกเขาต้องการทุ่มเทกลับคืนมากขึ้น
“การพัฒนาไม่ได้เกิดจากการเติมเต็มสิ่งที่ไม่มีเท่านั้น แต่เกิดจากการผลักดันสิ่งที่มีให้ก้าวไปข้างหน้า”
สุดท้าย เทรนนิ่งคือการเสริมพลัง ไม่ใช่การซ่อมแซม
ถ้าองค์กรยังมองเทรนนิ่งเป็นเพียงเครื่องมือแก้ปัญหา ผลลัพธ์ก็จะจำกัดอยู่ที่การทำให้ทีมกลับมา “พอใช้ได้” แต่ถ้าองค์กรใช้เทรนนิ่งเพื่อขยายจุดแข็ง ทีมจะไม่เพียงทำได้ดีขึ้น แต่จะก้าวข้ามขีดจำกัดและสร้างผลลัพธ์ใหม่ที่เหนือความคาดหมาย
หากองค์กรของคุณต้องการเทรนนิ่งพนักงานที่ไม่ใช่แค่การแก้ปัญหา แต่คือการเสริมพลังและต่อยอดจุดแข็ง The Blacksmith พร้อมออกแบบโปรแกรมที่ทำให้ทีมของคุณก้าวไกลกว่าเดิม คลิกลงทะเบียน