เมื่อทีมมีหัวหน้าแต่ยังขาดผู้นำ
หลายทีมในองค์กรมีหัวหน้าที่ทำหน้าที่บริหาร จัดตารางงาน สั่งการ และติดตามผลงาน แต่ทีมกลับไม่รู้สึกว่าตัวเองมีแรงบันดาลใจหรือพลังที่จะเดินไปข้างหน้า ปัญหานี้สะท้อนให้เห็นว่าการมี “หัวหน้า” ไม่ได้แปลว่าเรามี “ผู้นำ”
สิ่งที่ทำให้ทีมธรรมดากลายเป็นทีมที่พร้อมก้าวไปข้างหน้าไม่ใช่เพียงคำสั่งหรือแผนงานที่ชัดเจน แต่คือ ภาวะผู้นำที่ทำให้ทุกคนรู้สึกอยากเดินไปด้วยกัน
“หัวหน้าสั่งให้ทำงานได้ แต่ผู้นำทำให้ทีมอยากทำงานด้วยใจ”
ภาวะผู้นำคือแรงบันดาลใจ ไม่ใช่แค่ตำแหน่ง
ภาวะผู้นำไม่ได้เกิดจากการมีตำแหน่งสูงสุด แต่เกิดจากการสร้างแรงบันดาลใจให้ทีมเห็นคุณค่าและเป้าหมายของสิ่งที่ทำ เมื่อทีมเข้าใจว่า “ทำไม” ก่อนที่จะลงมือทำ “อะไร” พวกเขาจะมีแรงจูงใจจากภายใน ไม่ใช่เพียงการทำเพราะถูกสั่ง
การเปลี่ยนทีมด้วยพลังของผู้นำ
ผู้นำที่มีภาวะผู้นำแท้จริงจะไม่ทำงานแทนทีม แต่จะทำให้ทีมรู้สึกว่าพวกเขามีพลังและมีบทบาทสำคัญ พวกเขาจะกล้าคิด กล้าพูด และกล้าลงมือทำเพราะรู้ว่ามีพื้นที่ให้แสดงศักยภาพ
ตัวอย่างพฤติกรรมที่สร้างภาวะผู้นำ
– หัวหน้าที่อธิบายเป้าหมายและเปิดโอกาสให้ทีมเสนอวิธีการ
– หัวหน้าที่กล้าฟัง feedback จากลูกทีมอย่างจริงใจ
– หัวหน้าที่ลงมือแสดงให้เห็นว่าพร้อมเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่สั่งให้ทีมเปลี่ยน
สิ่งเหล่านี้คือการทำให้ทีมรู้สึกว่าตัวเองมีส่วนร่วม ไม่ใช่แค่ผู้ปฏิบัติ
ผลลัพธ์ของทีมที่มีผู้นำ
เมื่อทีมได้รับพลังจากภาวะผู้นำ พวกเขาจะเริ่มทำงานด้วยความเชื่อมั่น ไม่กลัวที่จะลองสิ่งใหม่ และพร้อมเผชิญกับความท้าทาย ผลงานของทีมจึงไม่ใช่เพียงการทำตามแผน แต่คือการสร้างคุณค่าใหม่ ๆ ให้องค์กร
“ภาวะผู้นำไม่ได้เปลี่ยนงานที่ทำ แต่เปลี่ยนวิธีที่ทีมทำงานร่วมกัน”
สุดท้าย ภาวะผู้นำคือพลังที่ขับเคลื่อนอนาคตทีม
หัวหน้าที่ทำได้เพียงควบคุมงานจะได้ทีมที่ทำงานตามคำสั่ง แต่ผู้นำที่สร้างพลังใจจะได้ทีมที่พร้อมเดินไปข้างหน้าด้วยตัวเอง และนั่นคือสิ่งที่เปลี่ยนทีมธรรมดาให้กลายเป็นทีมที่พร้อมสร้างอนาคต
หากองค์กรของคุณต้องการสร้างภาวะผู้นำที่เปลี่ยนทีมให้ก้าวไปข้างหน้า The Blacksmith พร้อมออกแบบโปรแกรมที่ปลุกพลังของทีมให้ทำงานด้วยแรงบันดาลใจ คลิกลงทะเบียน