ปัญหาของการเทรนโดยไม่มีเป้าหมาย
ทุกปีหลายองค์กรใช้งบประมาณจำนวนมากกับการเทรนนิ่งพนักงาน แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่ต่างจากเดิม พนักงานเข้าคลาส ฟังบรรยาย ทำกิจกรรม แต่สุดท้ายก็กลับไปทำงานแบบเดิม เหมือนสิ่งที่เรียนรู้ไม่สามารถเชื่อมกับสิ่งที่ต้องทำในชีวิตจริงได้เลย
เพราะสิ่งที่หายไปจากกระบวนการทั้งหมด คือ “เป้าหมายของการเรียนรู้”
เป้าหมายคือเข็มทิศของการเรียนรู้
การเทรนนิ่งจะได้ผลหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าองค์กรตั้งเป้าหมายอย่างไรตั้งแต่แรก ถ้าเป้าหมายคือ “ต้องจัดอบรมให้ครบตามแผนประจำปี” สิ่งที่ได้ก็จะเป็นเพียงกิจกรรม แต่ถ้าเป้าหมายคือ “อยากให้ทีมทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น” หรือ “อยากให้หัวหน้ามีทักษะการสื่อสารที่สร้างแรงบันดาลใจ”
สิ่งที่ออกแบบจะเปลี่ยนไปทันที เพราะทุกอย่างจะมุ่งไปที่ “ผลลัพธ์ของพฤติกรรม” ไม่ใช่แค่จำนวนชั่วโมงอบรม
“เทรนนิ่งที่มีเป้าหมายชัด จะพาทีมไปในทิศทางเดียวกัน โดยไม่ต้องเร่งให้ใครเปลี่ยน”
เริ่มจากคำถามง่าย ๆ แต่สำคัญ
ก่อนเริ่มออกแบบเทรนนิ่ง องค์กรควรถามคำถาม 3 ข้อ
1. เราต้องการให้คน “รู้อะไร”
2. เราต้องการให้คน “ทำอะไรได้”
3. เราต้องการให้สิ่งนั้น “เปลี่ยนอะไรในองค์กร”
คำถามสามข้อนี้คือเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้การเทรนนิ่งไม่หลุดโฟกัส และสามารถวัดผลได้อย่างชัดเจนหลังจบหลักสูตร
เป้าหมายที่ดีต้องวัดผลได้
องค์กรจำนวนมากตั้งเป้าหมายกว้างเกินไป เช่น “อยากให้พนักงานพัฒนา” หรือ “อยากให้ทีมเก่งขึ้น” ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ดีแต่ไม่สามารถวัดผลได้จริง
การเทรนนิ่งที่คุ้มค่าต้องมีเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงและตรวจสอบได้ เช่น “เพิ่มความร่วมมือในการทำงานระหว่างแผนก” หรือ “พัฒนาทักษะการให้ feedback ของหัวหน้าในทีมขาย” เมื่อเป้าหมายชัดเจน การออกแบบเนื้อหาและกิจกรรมก็จะชัดเจนตามไปด้วย
“ถ้าไม่รู้ว่าจะวัดผลอย่างไร แปลว่าเราอาจยังไม่รู้ว่ากำลังเทรนเพื่ออะไร”
การสื่อสารเป้าหมายคือหัวใจของการมีส่วนร่วม
แม้หลักสูตรจะดีแค่ไหน แต่ถ้าผู้เรียนไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องเรียน ผลลัพธ์ก็จะไม่เกิด องค์กรควรสื่อสารให้ชัดเจนตั้งแต่ต้นว่า “ทำไมการเทรนนิ่งครั้งนี้สำคัญต่อพวกเขา” และ “สิ่งที่เรียนจะช่วยให้พวกเขาทำงานได้ดีขึ้นอย่างไร”
เมื่อผู้เรียนเห็นเป้าหมายร่วมกัน การมีส่วนร่วมและแรงจูงใจจะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
การติดตามผล คือการยืนยันว่าเป้าหมายสำเร็จ
เทรนนิ่งจะคุ้มค่าก็ต่อเมื่อมีการติดตามผลหลังอบรม เช่น การโค้ช การทบทวน หรือการวัดพฤติกรรมในงานจริง ไม่ใช่เพื่อประเมินว่าใครเก่งหรือไม่เก่ง แต่เพื่อดูว่า “สิ่งที่ตั้งเป้าไว้เกิดขึ้นจริงไหม” การติดตามที่ดีจะช่วยให้เห็นภาพว่าการเรียนรู้ได้เปลี่ยนแปลงอะไรในทีม และยังเป็นข้อมูลสำคัญในการออกแบบหลักสูตรต่อไปให้ดีขึ้น
เมื่อเป้าหมายชัด ทุกการเทรนนิ่งจะมีความหมาย
องค์กรที่มีเป้าหมายชัดเจนจะไม่เทรนเพราะต้องทำ แต่เทรนเพราะรู้ว่ากำลังจะพัฒนาอะไร พนักงานจะไม่รู้สึกว่าถูกบังคับให้เข้าอบรม แต่จะเห็นว่าการเทรนนิ่งคือเครื่องมือที่ช่วยให้เขาทำงานดีขึ้นและเติบโตไปพร้อมองค์กร
“การเทรนนิ่งที่มีเป้าหมาย คือการพัฒนาอย่างมีทิศทาง และสร้างคุณค่าได้จริงในทุกขั้นตอน”
หากองค์กรของคุณต้องการเทรนนิ่งพนักงานที่มีเป้าหมายชัดเจน และสามารถวัดผลลัพธ์ของการพัฒนาได้จริง The Blacksmith พร้อมช่วยออกแบบโปรแกรมที่เน้นผลลัพธ์และการเติบโตระยะยาวของทีมคุณ คลิกลงทะเบียน


