ทำไมองค์กรที่อบรมมากมาย ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง
องค์กรหลายแห่งจัดเทรนนิ่งพนักงานอย่างสม่ำเสมอ ทั้งคอร์สภายในและภายนอก แต่กลับไม่เห็นการพัฒนาอย่างแท้จริง เหตุผลหนึ่งคือ เพราะการเรียนรู้ยังถูกมองว่าเป็น “นโยบาย” มากกว่า “วัฒนธรรม” พนักงานถูกส่งไปอบรมเพราะต้องไป ไม่ใช่เพราะอยากไป หัวหน้าอนุมัติให้เข้าคลาสเพราะเป็นหน้าที่ ไม่ใช่เพราะเห็นคุณค่า
วัฒนธรรมการเรียนรู้ เริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ ที่องค์กรทำทุกวัน
การสร้างวัฒนธรรมไม่ใช่เรื่องของคำสั่งจากบนลงล่าง แต่คือพฤติกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ จนกลายเป็นธรรมชาติของคนในองค์กร องค์กรที่ให้คุณค่ากับการเรียนรู้จะไม่รอให้ถึงวันอบรม แต่จะสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และเปิดโอกาสให้คนได้พัฒนาทุกวัน
“องค์กรที่เรียนรู้ได้ทุกวัน คือองค์กรที่ไม่ต้องรอให้ใครมาจัดเทรนนิ่งให้”
หัวหน้าคือคนกำหนดวัฒนธรรมการเรียนรู้
ไม่ว่าฝ่าย HR จะออกแบบหลักสูตรดีแค่ไหน แต่ถ้าหัวหน้าในหน้างานไม่เห็นคุณค่า การเทรนนิ่งก็จะไม่เกิดผลจริง หัวหน้าคือคนที่อยู่ใกล้พนักงานที่สุด และสามารถเปลี่ยนการเรียนรู้ให้กลายเป็นพลังการพัฒนาในชีวิตประจำวันได้ หัวหน้าที่ตั้งคำถาม เช่น “สิ่งที่เราเรียนรู้วันนี้เอาไปใช้ตรงไหนได้บ้าง” หรือ “เราจะทำอะไรให้ดีขึ้นจากบทเรียนนี้” กำลังสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้โดยไม่ต้องใช้คำสั่งใด ๆ
เปลี่ยนการเทรนนิ่งให้กลายเป็นวงจรการเรียนรู้
เทรนนิ่งจะเกิดผลต่อเมื่อมี “การต่อยอด” หลังอบรม เช่น การแชร์บทเรียนในทีม การนำสิ่งที่เรียนมาทดลองใช้ หรือการสะท้อนผลลัพธ์จากการลงมือทำจริง องค์กรที่เข้าใจสิ่งนี้ จะไม่มองเทรนนิ่งเป็นกิจกรรมจบในวันเดียว แต่เป็นจุดเริ่มต้นของวงจรการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เมื่อวงจรนี้หมุนไปเรื่อย ๆ คนในองค์กรจะเริ่มเห็นว่าการเรียนรู้ไม่ใช่เรื่องของการเข้าคลาส แต่คือเรื่องของการเติบโตในทุกวัน
สร้างระบบที่สนับสนุน ไม่ใช่ระบบที่บังคับ
องค์กรบางแห่งมีระบบการเรียนรู้ที่ซับซ้อน แต่กลับทำให้พนักงานรู้สึกว่าการเรียนเป็นภาระ ในทางกลับกัน องค์กรที่ประสบความสำเร็จในการสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ มักออกแบบระบบที่ “สนับสนุน” มากกว่า “บังคับ” เช่น เปิดพื้นที่ให้คนเลือกเรียนในสิ่งที่อยากเรียน เปิดช่องทางให้แชร์สิ่งที่รู้ หรือให้รางวัลกับคนที่พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง
การเรียนรู้ต้องเชื่อมกับเป้าหมายขององค์กร
เทรนนิ่งจะไร้พลัง ถ้าไม่ได้เชื่อมกับทิศทางและเป้าหมายขององค์กร องค์กรควรทำให้พนักงานเห็นว่าทักษะที่เรียนรู้ไม่ใช่เรื่องแยกจากงาน แต่คือส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเป้าหมายร่วมกัน เมื่อทุกคนเห็นว่าการเรียนรู้ของตนช่วยให้องค์กรเดินหน้าได้จริง แรงจูงใจจะเกิดขึ้นโดยไม่ต้องมีคำสั่ง
สุดท้าย เทรนนิ่งพนักงานที่ยั่งยืน ต้องสร้างจากความเชื่อ
ความเชื่อว่าคนทุกคนสามารถพัฒนาได้ คือจุดเริ่มต้นของวัฒนธรรมการเรียนรู้ องค์กรที่เชื่อในสิ่งนี้จะไม่มองพนักงานว่า “เก่งหรือไม่เก่ง” แต่จะมองว่า “เรียนรู้ได้เร็วหรือช้า” เมื่อความเชื่อแบบนี้ฝังอยู่ในทุกระดับ การเทรนนิ่งจะไม่ใช่แค่กิจกรรม แต่จะกลายเป็น “รากฐานขององค์กรที่เติบโตได้ไม่รู้จบ”
“วัฒนธรรมการเรียนรู้ ไม่ได้เกิดจากหลักสูตรดี ๆ แต่เกิดจากความเชื่อร่วมกันว่า ทุกคนเติบโตได้เสมอ”
หากองค์กรของคุณต้องการเทรนนิ่งพนักงานที่ต่อยอดจากหลักสูตร สู่การสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้จริง The Blacksmith พร้อมช่วยออกแบบโปรแกรมและระบบพัฒนาคนให้เติบโตไปพร้อมเป้าหมายขององค์กรคุณ คลิกลงทะเบียน


