The Blacksmith_PRTR_เทรนนิ่งพนักงาน

เทรนนิ่งพนักงานจะเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ได้ ถ้าไม่มีใคร “ช่วยให้กล้าลอง”

ไม่ใช่ทุกคนจะกล้าใช้สิ่งที่เรียนทันทีหลังอบรม

แม้จะเข้าใจดี แม้จะเห็นว่าเป็นประโยชน์ แต่การนำความรู้จาก training มาใช้ในชีวิตจริงนั้น “ไม่อัตโนมัติ” โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้เปิดโอกาสให้ลองผิด ลองถูก

หลายครั้งพนักงานอาจรู้ว่าควรเปลี่ยนวิธีทำงานอย่างไร แต่กลับไม่กล้าลงมือทำ เพราะรู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อม กลัวทำพลาด หรือรู้สึกว่า “ไม่มีใครหนุนหลัง”

สิ่งที่เปลี่ยนพฤติกรรมได้จริง ไม่ใช่แค่เนื้อหาจากในคลาส แต่คือ “พื้นที่ให้ลอง” และ “คนรอบข้างที่เข้าใจ” โดยเฉพาะหัวหน้า

พฤติกรรมใหม่จะไม่เกิด ถ้าเทรนแล้วปล่อยให้พนักงานลุยลำพัง

ถ้าไม่มีหัวหน้าที่เข้าใจสิ่งที่ทีมเรียน พฤติกรรมใหม่จะโดนตีกลับทันที

เช่น เรียนมาว่าควรตั้งคำถามชวนคิดเพื่อให้ทีมได้มีส่วนร่วม แต่พอลองใช้จริง หัวหน้ากลับรีบบอกว่า “อย่าถามเยอะ ทำตามที่บอกก็พอ” พฤติกรรมใหม่ที่กำลังจะเกิด จึงถูกหยุดตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่ม

ถ้าไม่มีเพื่อนร่วมทีมที่เปลี่ยนพร้อมกัน พฤติกรรมใหม่จะดูแปลก

การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องยากอยู่แล้ว แต่จะยิ่งยากขึ้น ถ้าคนที่เปลี่ยนรู้สึก “โดดเดี่ยว” ในการลองทำสิ่งใหม่ เช่น พนักงานพยายาม feedback อย่างสร้างสรรค์และตรงไปตรงมา แต่เพื่อนร่วมทีมกลับตอบโต้ด้วยการประชดหรือเงียบใส่ บรรยากาศแบบนี้ทำให้พฤติกรรมใหม่ไม่สามารถเติบโตได้เลย

ถ้าไม่มีระบบให้สะท้อนผลการลองใช้ พนักงานจะไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร

หลายองค์กรเทรนจบแล้วก็จบเลย ไม่มี follow-up หรือพื้นที่ให้สะท้อนผล ไม่มีใครถามว่าได้ลองใช้หรือยัง ลองแล้วเจออะไรบ้าง หรือจะปรับปรุงอย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นคือ พนักงานอาจลองใช้แค่ครั้งเดียวแล้วหยุดไป เพราะไม่รู้ว่ามีใครเห็น หรือมีประโยชน์ต่อทีมอย่างไร

เทรนนิ่งพนักงานจะเวิร์กที่สุด ถ้าองค์กรสร้าง “วงล้อม” ให้เขากล้าเปลี่ยน

หัวหน้าต้องไม่ใช่แค่ “รู้ว่าเทรนอะไร” แต่ต้อง “ร่วมเป็นส่วนหนึ่ง” ของการเปลี่ยนแปลง

องค์กรที่ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนพฤติกรรมทีม มักให้หัวหน้าเข้าร่วมอบรมด้วย หรืออย่างน้อย ต้อง brief และ align ให้เข้าใจสิ่งที่ทีมเรียน และพร้อมสนับสนุนหลังคลาส

สร้างระบบสะท้อนผล และพื้นที่ให้คนได้ลองอย่างปลอดภัย

การมีช่วง share & reflect หลังเรียน ช่วยให้พนักงานได้วางแผนว่า จะนำสิ่งที่เรียนไปใช้อย่างไร และได้ฟังวิธีคิดจากเพื่อนร่วมทีม การ check-in กับหัวหน้า 1–2 สัปดาห์หลังเรียน ก็เป็นอีกเครื่องมือหนึ่ง ที่ช่วยให้พฤติกรรมใหม่ไม่จางหายไปกับเวลา

วัฒนธรรมที่ยอมรับการลองผิด คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง

หากองค์กรส่งสัญญาณว่า “ลองได้ ไม่ต้องเป๊ะตั้งแต่วันแรก” คนจะเริ่มกล้าออกจาก comfort zone และนำสิ่งที่เรียนมาใช้จริงมากขึ้น สิ่งเหล่านี้คือเงื่อนไขที่ทำให้พนักงานไม่แค่ “จำ” สิ่งที่เรียน แต่ “ใช้” มันอย่างจริงจังในงานประจำวัน

สนใจออกแบบเทรนนิ่งพนักงานที่ไม่จบแค่ในห้องเรียน แต่เกิดขึ้นในชีวิตการทำงานจริง?

หากองค์กรของคุณต้องการโปรแกรมเทรนนิ่งพนักงานที่มีระบบหนุนหลัง พร้อมกระตุ้นให้พนักงานกล้าเปลี่ยนพฤติกรรมในบริบทจริงขององค์กร

The Blacksmith พร้อมช่วยออกแบบหลักสูตรเทรนนิ่งที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายของคุณ เริ่มต้นจากการเข้าใจพฤติกรรมที่อยากเปลี่ยน และออกแบบเส้นทางการเรียนรู้ที่เปลี่ยนได้จริง ติดต่อเราเพื่อดูตัวอย่างโปรแกรมที่เหมาะกับทีมของคุณ คลิกลงทะเบียน

Scroll to Top