Leadership ที่แท้จริง คือการ “พาให้คนอยากไปด้วย” ไม่ใช่ “พาให้ถึงเป้าหมายเท่านั้น”

ผู้นำจำนวนมากพาทีมถึงเป้าหมาย แต่กลับสูญเสียคนระหว่างทาง

ในองค์กรจำนวนมาก เรามักเห็นผู้นำที่เก่งเรื่องงาน บรรลุเป้าหมายทุกไตรมาส มีตัวเลขที่น่าประทับใจ แต่สิ่งที่มักเกิดขึ้นหลังจากนั้นคือ “คนในทีมเหนื่อยล้า” “ขาดแรงจูงใจ” หรือ “หมดไฟ”

เพราะผู้นำเหล่านั้นมุ่งเน้นที่การพาให้ทีมถึงเป้าหมาย โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังสูญเสียบางอย่างที่สำคัญกว่า — ความศรัทธาของคน Leadership ที่แท้จริงไม่ได้วัดจากเป้าหมายที่สำเร็จเท่านั้น แต่วัดจาก “จำนวนคนที่ยังอยากเดินทางต่อไปกับเรา” หลังจากที่ถึงเป้าหมายนั้นแล้ว

ความแตกต่างระหว่าง “ผู้นำที่ผลัก” กับ “ผู้นำที่พา”

ผู้นำที่ผลัก ใช้พลังจากอำนาจหรือความกลัว เพื่อให้ทีมทำงาน แต่ผู้นำที่พา ใช้พลังจากความเข้าใจ ความเชื่อใจ และความร่วมมือ เพื่อสร้างแรงขับจากภายใน

องค์กรที่มีผู้นำแบบแรกจะไปได้เร็วในระยะสั้น แต่หมดแรงในระยะยาว ในขณะที่องค์กรที่มีผู้นำแบบหลัง แม้อาจใช้เวลานานกว่า แต่จะไปได้ไกลกว่า เพราะทุกคนมีแรงขับของตัวเอง

“Leadership ที่ยั่งยืนไม่ได้มาจากแรงผลักของผู้นำ แต่มาจากแรงอยากของทีม”

ผู้นำที่พาคนได้ ต้องเข้าใจแรงขับของแต่ละคน

ทีมไม่ได้ประกอบด้วยคนประเภทเดียวกัน บางคนมองเป้าหมายเป็นแรงผลักดัน บางคนต้องการการยอมรับ บางคนอยากมีพื้นที่ให้เติบโต Leadership ที่แท้จริงคือการเข้าใจแรงขับเหล่านี้ และออกแบบวิธีการนำที่สอดคล้องกับคนแต่ละแบบ เพราะผู้นำที่เข้าใจแรงจูงใจของทีม จะไม่ใช้วิธีเดียวกับทุกคน แต่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้ทุกคนได้ใช้ศักยภาพของตัวเองอย่างเต็มที่

การสื่อสารคือเครื่องมือสำคัญของการนำ

ผู้นำที่ดีไม่จำเป็นต้องพูดเยอะ แต่ต้อง “พูดในเวลาที่ใช่” และ “ฟังในเวลาที่คนต้องการให้ฟัง” หลายครั้งสิ่งที่ทำให้ทีมหมดใจไม่ใช่เป้าหมายที่ใหญ่เกินไป แต่คือ “การสื่อสารที่ขาดความเข้าใจ” Leadership ที่แท้จริงคือการทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเสียงของเขามีค่า และผู้นำกำลังฟังจริง ๆ

“ผู้นำที่พูดเก่งอาจได้เสียงปรบมือ แต่ผู้นำที่ฟังเป็น จะได้ใจคน”

การนำที่ดีต้องเริ่มจาก “การรู้จักตัวเอง”

ไม่มีใครนำคนอื่นได้ดี หากยังไม่เข้าใจตัวเอง ผู้นำที่ขาดการสะท้อนตนเอง มักเผลอนำด้วยอีโก้หรือความคาดหวังของคนอื่น แต่ผู้นำที่มี Self-awareness จะรู้ว่าตัวเองกำลังนำด้วยเหตุผลอะไร และกำลังส่งผลแบบใดต่อทีม

Leadership จึงไม่ใช่การพยายามเป็นคนเก่งที่สุด แต่คือการเป็น “คนที่เข้าใจตัวเองมากพอที่จะเข้าใจผู้อื่น”

เมื่อผู้นำพาคนได้ ทีมจะสร้างผลลัพธ์ได้ด้วยตัวเอง

องค์กรที่มีผู้นำที่เข้าใจคน จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน คนในทีมเริ่มพูดกันมากขึ้น แบ่งปันกันมากขึ้น และกล้าที่จะเสนอแนวคิดใหม่ ๆ เพราะพวกเขาไม่ได้ทำงานเพื่อตัวเลข แต่ทำเพราะรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าในสิ่งที่ทำ และเมื่อคนในทีมเริ่มรู้สึกว่า “ผู้นำอยู่ข้างพวกเขา” ไม่ว่าความท้าทายจะหนักแค่ไหน พวกเขาก็พร้อมจะสู้ไปด้วยกัน

สุดท้าย Leadership คือเรื่องของความสัมพันธ์ ไม่ใช่ตำแหน่ง

ตำแหน่งอาจทำให้เรามีสิทธิ์สั่ง แต่ความสัมพันธ์เท่านั้นที่ทำให้เรามีพลังในการนำ เมื่อผู้นำเข้าใจว่าการนำคือการสร้างความสัมพันธ์แห่งความไว้วางใจ ไม่ใช่การควบคุม ทีมจะเปลี่ยนจาก “ทำเพราะต้องทำ” เป็น “ทำเพราะอยากทำ”

“Leadership ที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่อำนาจในการสั่ง แต่คือพลังในการเชื่อมใจคน”

หากองค์กรของคุณต้องการพัฒนา Leadership ให้ผู้นำเข้าใจคนมากขึ้น และสร้างทีมที่ร่วมแรงด้วยความเชื่อใจ The Blacksmith พร้อมออกแบบโปรแกรมพัฒนาภาวะผู้นำ ที่เชื่อมโยงกับบริบทขององค์กรคุณโดยเฉพาะ คลิกลงทะเบียน

Scroll to Top