ทำไมเทรนนิ่งที่ดีจึงล้มเหลวได้ในบางองค์กร
หลายองค์กรเลือกคอร์สที่ดีที่สุด เชิญวิทยากรที่มีชื่อเสียง และเตรียมเนื้อหาอย่างครบถ้วน แต่สุดท้ายกลับพบว่าผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่หวัง พนักงานไม่ได้เปลี่ยนพฤติกรรม หรือไม่ได้นำสิ่งที่เรียนไปใช้จริง
สิ่งที่มักถูกมองข้ามคือ “ความเข้าใจผู้เรียน” เพราะ Course training ไม่ได้เริ่มต้นที่เนื้อหา แต่มันเริ่มจาก “คน”
ความแตกต่างของผู้เรียน คือหัวใจของการออกแบบ
ในองค์กรเดียวกัน พนักงานแต่ละคนอาจมีแรงจูงใจและวิธีเรียนรู้ที่ไม่เหมือนกัน บางคนเรียนรู้ได้ดีจากการฟัง บางคนต้องได้ลองทำจริง ขณะที่บางคนต้องเห็นผลลัพธ์ก่อนถึงจะเข้าใจ
เมื่อองค์กรใช้รูปแบบการเทรนแบบเดียวกับทุกคนโดยไม่เข้าใจความแตกต่างนี้ ผลลัพธ์จึงมักออกมาไม่สม่ำเสมอ การออกแบบ Course training ที่มีประสิทธิภาพจึงต้องเริ่มจากการเข้าใจว่า “ใครจะเรียน” มากกว่า “เราจะสอนอะไร”
การฟังคือทักษะที่จำเป็นก่อนเริ่มเทรน
ก่อนออกแบบหลักสูตร ทุกองค์กรควรถามคำถามง่าย ๆ ว่า “พนักงานต้องการอะไรจากการเรียนรู้ครั้งนี้” และ “อะไรคืออุปสรรคที่ทำให้เขาไม่อยากเรียน” เพราะบางครั้งปัญหาไม่ได้อยู่ที่คอร์สไม่ดี แต่อยู่ที่พนักงานรู้สึกว่า “สิ่งนี้ไม่เกี่ยวกับเขา” หรือ “เรียนไปก็ไม่เปลี่ยนอะไร”
เมื่อเราเริ่มจากการฟัง ไม่ใช่การคาดเดา เราจะได้ข้อมูลที่แท้จริง เช่น ความเหนื่อยล้า ความไม่มั่นใจ หรือความต้องการพัฒนาในเรื่องใดเป็นพิเศษ ซึ่งจะกลายเป็นหัวใจของการออกแบบเทรนนิ่งที่มีความหมาย
“Course training ที่ดี ไม่ได้เริ่มจากเนื้อหา แต่เริ่มจากการรับฟังความจริงของคนที่อยู่ในห้องเรียน”
ออกแบบเนื้อหาให้สอดคล้องกับแรงจูงใจของผู้เรียน
แรงจูงใจคือเชื้อเพลิงของการเรียนรู้ หากเราเข้าใจว่าแต่ละคนมีแรงขับที่แตกต่างกัน เราจะสามารถออกแบบกิจกรรมหรือรูปแบบการสอนที่เชื่อมโยงกับสิ่งนั้นได้ บางคนต้องการเห็นโอกาสในอาชีพเพื่อจุดประกายให้เรียนรู้ บางคนต้องการแก้ปัญหาที่เจอทุกวัน บางคนอยากพัฒนาตัวเองเพื่อทีม
เมื่อเนื้อหาของ Course training เชื่อมกับสิ่งที่ผู้เรียนให้ความสำคัญ เขาจะเรียนรู้ด้วยพลังของตัวเอง ไม่ใช่เพราะถูกบังคับ
บรรยากาศของห้องเรียนคือสิ่งที่กำหนดผลลัพธ์
แม้เนื้อหาจะดีเพียงใด แต่ถ้าผู้เรียนไม่รู้สึกปลอดภัยในการแสดงความคิดเห็น การเรียนรู้ก็จะไม่เกิดขึ้นจริง องค์กรจึงควรให้ความสำคัญกับการสร้าง “พื้นที่ที่ปลอดภัย” ซึ่งผู้เรียนรู้สึกว่าพวกเขาพูดได้ ผิดได้ และเรียนรู้ได้โดยไม่ถูกตัดสิน บรรยากาศแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากการจัดห้องเท่านั้น แต่เกิดจาก “ท่าทีของวิทยากรและหัวหน้า” ที่พร้อมจะฟังและให้โอกาสผู้เรียนได้ลองผิดลองถูก
จากความเข้าใจ สู่การเปลี่ยนแปลงจริง
เมื่อองค์กรเริ่มเข้าใจผู้เรียนมากพอ การเปลี่ยนแปลงจะไม่ต้องใช้แรงผลักดันมาก เพราะคนจะรู้สึกว่า “สิ่งที่เรียนมันพูดกับเรา” เขาจะไม่รอคำสั่งให้เรียนรู้ แต่จะเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า “สิ่งนี้ฉันจะเอาไปปรับใช้ได้ยังไง” นี่คือจุดที่การเรียนรู้เปลี่ยนจาก “กิจกรรม” เป็น “ความตั้งใจ”
“Course training ที่เข้าใจคน จะไม่ต้องบังคับให้เรียน เพราะคนจะอยากเรียนด้วยตัวเอง”
สุดท้ายแล้ว ความเข้าใจคือรากฐานของการพัฒนา
องค์กรที่เข้าใจคน จะออกแบบการเทรนที่เข้ากับวัฒนธรรมของตัวเองได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะรู้ว่าพนักงานต้องการอะไร และต้องเรียนแบบไหนถึงจะเห็นผล เมื่อความเข้าใจกลายเป็นพื้นฐานของทุกหลักสูตร การเทรนนิ่งจะไม่ใช่แค่เครื่องมือพัฒนา แต่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กรที่เติบโตไปพร้อมกับคน
หากองค์กรของคุณต้องการ Course training ที่ออกแบบจากความเข้าใจคนเรียนจริง ๆ The Blacksmith พร้อมเป็น Strategic Learning Partner ที่ช่วยเปลี่ยนการเรียนรู้ให้กลายเป็นพลังการพัฒนาอย่างแท้จริง คลิกลงทะเบียน
