Talent ไม่ได้ลาออกเพราะไม่เก่ง แต่เพราะไม่มีใครถามว่า “ยังอยากโตที่นี่ไหม”
หลายองค์กรเข้าใจผิดว่า Talent คือคนที่ไม่ต้องการการดูแล เพราะเขารับมือกับงานยากได้ดี เรียนรู้เร็ว และไม่สร้างปัญหา แต่ความเข้าใจผิดนี้กำลังทำให้คนที่มีค่าที่สุดค่อย ๆ หายไปจากองค์กรอย่างเงียบ ๆ สิ่งที่ Talent ต้องการไม่ใช่การชื่นชมพร่ำเพรื่อ หรือสวัสดิการพิเศษ แต่คือการรู้ว่าความสามารถของเขามีคุณค่า ได้รับการมองเห็น และยังมีโอกาสเติบโตในที่ที่เขาอยู่
องค์กรที่มองข้ามเรื่องนี้มักคิดว่า “เขาน่าจะโอเคอยู่แล้ว” เพราะไม่เคยร้องขออะไร แต่ความจริงคือ Talent จำนวนมากมักไม่พูด ไม่เรียกร้อง และไม่บ่น — จนวันหนึ่งที่เขาเลือกเดินจากไป โดยไม่มีคำเตือนล่วงหน้า
พฤติกรรมองค์กรที่ทำให้ Talent ค่อย ๆ ถอยห่าง
สัญญาณที่ดูเหมือนเล็กน้อย เช่น การให้เขาแบกรับงานยากซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่ถามความเห็น การไม่มีบทสนทนาเรื่องเส้นทางเติบโตเลย หรือการละเลยที่จะให้คำแนะนำและกำลังใจ ล้วนสะสมเป็นความรู้สึกว่า “ฉันไม่ได้รับการใส่ใจ” ซึ่งสำหรับ Talent แล้ว ความรู้สึกนี้สำคัญกว่าค่าตอบแทนหรือความท้าทายของงานเสียอีก
บางครั้งการไม่พูดอะไรเลยของ Talent อาจคือสัญญาณที่รุนแรงที่สุด เพราะพวกเขามีแนวโน้มจะตัดสินใจอย่างเงียบ ๆ และไม่ย้อนกลับมา
ความเงียบของ Talent ไม่ได้แปลว่าเขาโอเคเสมอไป
องค์กรที่ไม่เคยถามความรู้สึก ไม่เคยพูดคุยเรื่องเป้าหมายในอนาคต หรือไม่เคยแม้แต่เปิดพื้นที่ให้พูดถึงความคาดหวังในอาชีพ กำลังสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้ Talent ค่อย ๆ ลดความผูกพันกับองค์กรลงอย่างช้า ๆ คำถามง่าย ๆ อย่าง “ช่วงนี้โอเคไหม?” หรือ “กำลังสนใจอะไรเป็นพิเศษ?” อาจดูเล็กน้อย แต่สามารถเปลี่ยนทิศทางของคนเก่งได้ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าองค์กร “ใส่ใจ” ไม่ใช่แค่ “ใช้งาน”
Talent ต้องการพื้นที่ให้เติบโต ไม่ใช่แค่พื้นที่ให้ทำงาน
การดูแล Talent ไม่ใช่เรื่องของการตามใจ แต่คือการวางระบบที่ทำให้เขาใช้ศักยภาพได้อย่างเต็มที่ และรู้สึกว่าความสามารถของตนเองส่งผลกระทบเชิงบวกกับทีมและองค์กรอย่างแท้จริง
Talent ไม่ใช่เพียงคนที่ทำงานเก่ง แต่คือคนที่มีความสามารถในการคิด วิเคราะห์ และพัฒนาองค์กรหากได้รับโอกาส การไม่ให้พื้นที่ในการเติบโต จึงเหมือนการปิดกั้นศักยภาพของทรัพยากรที่มีค่าที่สุดในทีม
แนวทางที่องค์กรควรสร้างให้ Talent อยากอยู่และเติบโต
องค์กรควรเริ่มจากการออกแบบเส้นทางการเติบโตที่ชัดเจน ไม่ใช่แค่ในระดับตำแหน่งหรือสายงาน แต่รวมถึงลักษณะงาน ความรับผิดชอบ และบทบาทที่ท้าทายยิ่งขึ้น โดยต้องมีการพูดคุยและตกลงร่วมกัน ไม่ใช่กำหนดฝ่ายเดียว
นอกจากนี้ ต้องสร้างวัฒนธรรมการให้ feedback ที่มีคุณภาพ เน้นเนื้อหาที่ลึกและนำไปใช้ได้จริง ไม่ใช่เพียงคำชมทั่วไป เพราะ Talent ต้องการ feedback ที่ช่วยให้เขาเติบโต ไม่ใช่แค่ให้กำลังใจ อีกประเด็นสำคัญคือการเปิดโอกาสให้แสดง Leadership ผ่านบทบาทใหม่ ๆ ไม่ใช่เพียงมอบหมายงานเพิ่ม แต่ควรให้ความท้าทายที่ทำให้เขารู้สึกว่าองค์กร “เชื่อมั่น” ในศักยภาพของเขาจริง ๆ
เทรนนิ่งพนักงานที่ดี ต้องรวมถึงการดูแล Talent อย่างต่อเนื่อง
Talent ไม่ได้ต้องการการเรียนรู้ที่มากกว่าคนอื่นเสมอไป แต่เขาต้องการเรียนรู้ในสิ่งที่ตอบโจทย์เป้าหมายของตัวเอง เทรนนิ่งพนักงานที่ดีจึงไม่ควรออกแบบแค่ตามแผนรวมขององค์กร แต่ต้องเปิดพื้นที่ให้แต่ละคนได้เลือกเส้นทางการพัฒนาที่สอดคล้องกับศักยภาพและเป้าหมายระยะยาวของเขาด้วย
สิ่งสำคัญคือ องค์กรควรเชื่อมโยงเทรนนิ่งกับโอกาสในอนาคต เช่น หากเขาเรียนเรื่อง Leadership แล้ว จะมีโอกาสทดลองเป็น Project Lead หรือ Mentoring ให้กับทีมเล็ก ๆ ได้หรือไม่ ถ้าเรียนเรื่อง Communication จะได้ใช้ในเวทีไหนต่อ
การสร้างภาพให้ Talent เห็นว่า “สิ่งที่คุณเรียน = สิ่งที่องค์กรจะให้โอกาสใช้จริง” คือแรงจูงใจที่ทรงพลัง และจะทำให้เขาอยากเรียนรู้ต่ออย่างไม่รู้จบ
องค์กรที่รักษา Talent ได้ มักเริ่มจากการฟัง
บทสนทนาธรรมดาระหว่างหัวหน้ากับ Talent อาจไม่ใช่แค่การอัปเดตงาน แต่คือการส่งสัญญาณว่า “คุณยังสำคัญกับเรา” การฟังไม่ได้แค่เปิดใจ แต่ต้องมีระบบให้คนที่ฟังสามารถส่งต่อโอกาสและการเติบโตได้ด้วย
หัวหน้าที่ดีไม่ใช่แค่คนที่มอบหมายงาน แต่คือคนที่รู้จักเป้าหมายของลูกทีม และพยายามสร้างเส้นทางให้เป้าหมายนั้นเกิดขึ้นได้จริงในองค์กร
สนใจออกแบบวิธีดูแล Talent ให้เติบโตในองค์กรอย่างยั่งยืน?
หากองค์กรของคุณกำลังมองหาวิธีรักษา Talent และสร้างวัฒนธรรมที่คนเก่งอยากอยู่ The Blacksmith มีโปรแกรมที่ออกแบบเฉพาะเพื่อดูแล Talent ให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมพัฒนาเส้นทางอาชีพ การสื่อสารกับหัวหน้า และการสร้างเงื่อนไขในทีมให้เหมาะกับการเติบโตระยะยาว
ติดต่อเราเพื่อดูตัวอย่างโปรแกรมที่เหมาะกับองค์กรของคุณ พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ คลิกลงทะเบียน