ภาพจำผิด ๆ ของการเป็นผู้นำ
หลายองค์กรยังมีภาพจำว่า “หัวหน้าที่ดีคือต้องเข้มงวด ต้องสั่ง ต้องตัดสินใจให้เด็ดขาด” จนกลายเป็นความเข้าใจผิดว่า Leadership หมายถึงการมีสิทธิ์ในการสั่งการเหนือกว่าคนอื่น ผลลัพธ์คือหัวหน้าหลายคนเลือกที่จะ “ใช้ตำแหน่ง” มากกว่า “ใช้ภาวะผู้นำ”
ปรากฏการณ์ที่เห็นได้บ่อยคือการประชุมที่เต็มไปด้วยความเงียบ หัวหน้าพูดอยู่ฝ่ายเดียว กำหนดเป้าหมาย กำหนดวิธีการ และจบลงด้วยการบอกว่า “ทำตามนี้” ทีมอาจจะทำงานเสร็จ แต่บรรยากาศเต็มไปด้วยความกดดันและความจำใจ ไม่ใช่ความร่วมมืออย่างแท้จริง
“Leadership ไม่ได้หมายถึงสิทธิ์ในการสั่ง แต่คือพลังในการทำให้ทีมอยากเดินตามด้วยใจ”
ทำไมการสั่งการไม่เพียงพออีกต่อไป
ในโลกที่การทำงานเปลี่ยนแปลงเร็วเกินกว่าจะมีใครรู้คำตอบทั้งหมด การสั่งการจากบนลงล่างอย่างเดียวไม่สามารถทำให้ทีมพร้อมรับมือได้เสมอไป เพราะความรู้และไอเดียใหม่ ๆ มักเกิดจากคนที่อยู่หน้างานจริง ๆ ไม่ใช่แค่ผู้บริหาร
ถ้าผู้นำใช้แต่การสั่งการ ผลที่เกิดขึ้นคือทีมจะ “รอคำสั่ง” และไม่กล้าออกความคิดเห็น แต่ถ้าผู้นำสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการพูด การฟัง และการลองผิดลองถูก ทีมก็จะมีพลังในการหาคำตอบใหม่ ๆ ที่ดีกว่า
Leadership ที่แท้จริงคือการสร้างแรงบันดาลใจ
หัวหน้าที่มี Leadership มักไม่ได้เป็นที่จดจำจากคำสั่ง แต่จากวิธีที่เขาทำให้ทีมรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าและมีส่วนร่วมในการสร้างความสำเร็จร่วมกัน
หัวหน้าที่กล้าฟังอย่างตั้งใจ ทำให้ทีมเชื่อว่าเสียงของพวกเขามีค่า หัวหน้าที่กล้าเปิดโอกาสให้ทีมตัดสินใจเองบางเรื่อง ทำให้คนรู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าของงานจริง ๆ และหัวหน้าที่กล้าแสดงความเปราะบาง เช่น การยอมรับว่าตัวเองไม่รู้ทุกอย่าง กลับทำให้ทีมมั่นใจและพร้อมจะช่วยหาคำตอบ
พลังของความไว้ใจ
สิ่งที่อยู่เบื้องหลัง Leadership ที่แท้จริงคือความไว้ใจ ไม่ใช่แค่ทีมที่ต้องไว้ใจหัวหน้า แต่หัวหน้าก็ต้องแสดงออกว่าพร้อมไว้ใจทีมด้วย ความไว้ใจนี้เองที่ทำให้คนพร้อมเดินตาม แม้จะเจอเส้นทางที่ยากและไม่แน่นอน
“คนไม่ได้เดินตามหัวหน้าที่สั่งเก่ง แต่เดินตามหัวหน้าที่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าเสียงของตัวเองมีค่า”
ปรากฏการณ์ในองค์กรที่ขาด Leadership
องค์กรจำนวนมากที่ขาดภาวะผู้นำมักสะท้อนออกมาผ่านบรรยากาศการทำงาน เช่น
พนักงานไม่กล้าพูดในที่ประชุมเพราะกลัวถูกตำหนิ หัวหน้าเป็นคนตัดสินใจทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องเล็กน้อย ทีมขาดแรงบันดาลใจ ทำงานไปวัน ๆ โดยไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่ทำ
สถานการณ์เหล่านี้ไม่ใช่เพราะพนักงานไม่มีความสามารถ แต่เพราะ Leadership ที่ควรทำหน้าที่เป็น “พลังเชื่อมโยง” กลับถูกแทนที่ด้วย “อำนาจบังคับ”
การสร้าง Leadership ในยุคใหม่
การพัฒนา Leadership ในยุคนี้จึงไม่ใช่เรื่องของการสอนให้หัวหน้าสั่งงานได้ชัดเจนขึ้น แต่คือการสร้างความเข้าใจใหม่ว่า ผู้นำต้องเป็น “ผู้ออกแบบบรรยากาศการทำงาน” มากกว่าการเป็น “ผู้บังคับบัญชา”
การสร้าง Leadership จึงเริ่มจากการฝึกทักษะที่ดูเรียบง่ายแต่ทรงพลัง เช่น การตั้งคำถามที่เปิดกว้าง การฟังเชิงลึก และการสื่อสารอย่างโปร่งใส สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงเปลี่ยนบรรยากาศของทีม แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อผลลัพธ์ทางธุรกิจ
สุดท้าย Leadership คือการทำให้ทีมอยากเดินตาม
การมีตำแหน่งไม่ได้ทำให้ใครเป็นผู้นำโดยอัตโนมัติ แต่สิ่งที่ทำให้คนอยากเดินตามคือความสามารถในการสร้างแรงบันดาลใจและความไว้ใจ Leadership จึงไม่ใช่การยืนอยู่ข้างหน้าเพื่อสั่ง แต่คือการเดินเคียงข้างทีม เพื่อให้ทุกคนรู้สึกว่ากำลังไปสู่เป้าหมายเดียวกัน
“หัวหน้าที่แท้จริงไม่ใช่คนที่ทีมกลัว แต่คือคนที่ทีมเลือกจะเดินตามด้วยความเต็มใจ”
หากองค์กรของคุณต้องการพัฒนาภาวะผู้นำ (Leadership) อย่างยั่งยืน ติดต่อ The Blacksmith เพื่อดูโปรแกรมที่ออกแบบเฉพาะสำหรับทีมของคุณ คลิกลงทะเบียน