ปัญหาของ Course training ที่เน้นปริมาณ
หลายองค์กรยังเชื่อว่าการทำ Course training ที่มีเนื้อหามากที่สุดคือสิ่งที่คุ้มค่าที่สุด วิทยากรพยายามยัดทุกทฤษฎี เทคนิค และตัวอย่างลงในสไลด์หลายร้อยหน้า พนักงานนั่งฟังทั้งวันพร้อมกับเอกสารประกอบหนา ๆ แต่พอจบวัน สิ่งที่ได้กลับมาคือความรู้สึกท่วมท้นจนไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน
สิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยคือ ผู้เข้าร่วมบางคนจดทุกคำ แต่สุดท้ายไม่เคยเปิดสมุดบันทึกอีกเลย ขณะที่อีกหลายคนจำได้เพียงประโยคสวย ๆ แต่ไม่สามารถนำไปใช้ในงานจริง นี่คือข้อพิสูจน์ว่า ปริมาณไม่เคยเท่ากับคุณภาพ ในการเรียนรู้
“Course training ที่ดีไม่ได้ทำให้สมุดบันทึกเต็มไปด้วยโน้ต แต่ทำให้โต๊ะทำงานเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง”
ทำไมความรู้จึงไม่กลายเป็นการเปลี่ยนพฤติกรรม
การอบรมที่เน้นการอัดเนื้อหามักลืมไปว่า สมองคนเราไม่ได้จดจำทุกอย่างได้หมด และถ้าไม่ได้ถูกนำไปใช้ ความรู้เหล่านั้นก็จะค่อย ๆ เลือนหายไปตามที่งานวิจัยเรียกว่า Forgetting Curve
นอกจากนี้ ปัญหาที่พนักงานเจอในชีวิตจริงก็มักจะซับซ้อนเกินกว่าทฤษฎีที่ได้เรียนในคลาส การรู้ “วิธี” ไม่ได้หมายความว่าจะกล้า “ทำจริง” เพราะการเปลี่ยนพฤติกรรมต้องอาศัยทั้งการลงมือทำและการสะท้อนกลับ ไม่ใช่แค่การนั่งฟัง
องค์ประกอบของ Course training ที่ใช้ได้จริง
Course training ที่ทรงพลังจึงต้องออกแบบจากมุมมองที่ต่างออกไป ไม่ใช่การ “สอนทุกอย่างในเวลาสั้น ๆ” แต่คือการเลือกประเด็นที่สำคัญที่สุด แล้วออกแบบกิจกรรมที่ทำให้ผู้เรียนได้ฝึกและเชื่อมโยงกับงานจริง
จากเนื้อหาไปสู่การฝึกใช้
แทนที่จะใช้เวลาไปกับการอธิบายทฤษฎีเป็นชั่วโมง การเรียนรู้จะได้ผลมากกว่าถ้ามีการสอดแทรกกิจกรรม เช่น การจำลองสถานการณ์ การ role play หรือการให้ผู้เข้าร่วมทำ workshop กลุ่มเล็ก ๆ เพื่อแก้โจทย์ใกล้เคียงกับงานจริง วิธีนี้ทำให้ความรู้ไม่หยุดอยู่ที่ความเข้าใจ แต่ถูกเปลี่ยนเป็นทักษะที่ใช้ได้จริง
“การเรียนรู้จะไม่มีวันเปลี่ยนพฤติกรรม ถ้าไม่ได้ถูกลองใช้จริงในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย”
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในหลายองค์กร
สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ Course training ที่ออกแบบให้เชื่อมโยงกับงานจริง มักทำให้ผู้เรียนมีพลังกลับไปทำงานมากกว่าอบรมที่เน้นเนื้อหาหนัก ๆ พนักงานบางคนอาจไม่จำทฤษฎีทั้งหมด แต่พวกเขาจำได้ว่าลองพูด feedback อย่างไร ลองแก้ปัญหาในกลุ่มอย่างไร และนั่นคือสิ่งที่ติดอยู่ในใจและถูกนำไปใช้จริง
ในขณะที่การอบรมที่เต็มไปด้วยเนื้อหา แต่ไม่มีการฝึก พนักงานจะกลับไปทำงานแบบเดิม และสุดท้ายองค์กรก็ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใด ๆ
การวัดผลที่แท้จริงของ Course training
แทนที่จะนับว่ามีเนื้อหากี่หัวข้อ หรือใช้เวลาอบรมกี่ชั่วโมง องค์กรควรถามว่า “หลังการอบรม พนักงานเริ่มทำอะไรต่างออกไปหรือยัง” ตัวอย่างเช่น พูดชัดขึ้นในที่ประชุม กล้าถามคำถามมากขึ้น หรือเริ่มใช้เครื่องมือใหม่ ๆ ในงาน สิ่งเหล่านี้คือหลักฐานของการเรียนรู้ที่แท้จริง
สุดท้าย Course training ต้องสร้างการเปลี่ยนแปลงที่โต๊ะทำงาน
Course training ที่ดีไม่ใช่การอัดความรู้ให้มากที่สุด แต่คือการทำให้พนักงานได้ลอง ใช้ และกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีทำงานจริง ๆ เพราะสิ่งที่องค์กรต้องการไม่ใช่สมุดบันทึกที่เต็มไปด้วยโน้ต แต่คือทีมงานที่ทำงานเก่งขึ้นจากการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นในห้องอบรม
“คุณค่าของการอบรมไม่ได้อยู่ที่เรารู้มากขึ้นแค่ไหน แต่อยู่ที่เรากล้าที่จะทำอะไรใหม่มากขึ้นหรือเปล่า”
หากองค์กรของคุณต้องการ Course training ที่ออกแบบให้พนักงานนำไปใช้ได้จริง ติดต่อ The Blacksmith เพื่อสร้างโปรแกรมที่เชื่อมโยงกับปัญหาของทีมคุณ คลิกลงทะเบียน