การ เทรนนิ่งพนักงาน ไม่ใช่แค่เรื่องของการเลือกคอร์สที่ดูน่าสนใจแล้วจัดให้พนักงานเข้าอบรม แต่เป็นเรื่องของการออกแบบการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับเป้าหมายขององค์กรและความต้องการของพนักงาน ซึ่งเป็นความท้าทายของ HR ในการตัดสินใจเลือกรูปแบบการฝึกอบรมที่ดีที่สุด
แม้องค์กรที่มีงบประมาณสำหรับอบรมพนักงานสูง แต่อาจพบได้ว่าหลังจากจบหลักสูตรไป พนักงานจำนวนมากไม่ได้สามารถนำความรู้ไปใช้ได้จริง หรือแย่กว่านั้น—บางคนรู้สึกว่ามันเสียเวลา เพราะวิธีการสอนไม่สอดคล้องกับสไตล์การทำงานของพวกเขา เหตุการณ์แบบนี้สะท้อนให้เห็นว่า ต่อให้คอร์สหรือวิทยากรดีแค่ไหน ถ้า HR เลือกผิดรูปแบบ ผลลัพธ์ก็อาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
เลือก “รูปแบบ” ที่ใช่ ไม่ใช่แค่ “เนื้อหา” ที่ดี
ปัญหาของการเทรนนิ่งพนักงานหลายครั้งไม่ใช่เรื่องของ “เนื้อหา” แต่เป็น “วิธีการ” ที่ใช้ในการถ่ายทอดความรู้ บางองค์กรเลือกใช้การอบรมแบบเลกเชอร์ที่เน้นการฟัง แต่ลืมไปว่าพนักงานของตนอาจเรียนรู้ได้ดีขึ้นผ่านการลงมือทำจริง บางองค์กรจัดเวิร์กช็อปที่เต็มไปด้วยกิจกรรม แต่พนักงานกลับรู้สึกว่ามันไม่เชื่อมโยงกับการทำงานในชีวิตจริง
การเลือกรูปแบบการอบรมที่เหมาะสมควรคำนึงถึง 3 ปัจจัยหลัก
- เป้าหมายของการเทรนนิ่ง – องค์กรต้องการให้พนักงานเรียนรู้เพื่อนำไปใช้ทันที หรือเป็นการพัฒนาระยะยาว?
- ลักษณะของพนักงาน – พวกเขาเรียนรู้ได้ดีจากการฟัง การลงมือทำ หรือการโต้ตอบกับผู้อื่น?
- ทรัพยากรที่มีอยู่ – องค์กรมีเวลาหรือเทคโนโลยีที่พร้อมสำหรับการอบรมแบบไหนบ้าง?

วิธีการฝึกอบรมที่ HR ควรพิจารณา
จากประสบการณ์ของหลายองค์กร รูปแบบการ เทรนนิ่งพนักงาน ที่มีประสิทธิภาพสูงมักไม่ใช่แค่การเลือกแบบเดียว แต่เป็นการผสมผสานวิธีการที่ตอบโจทย์พนักงานแต่ละกลุ่ม
- On-the-Job Training (OJT) – เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น งานด้านเทคนิคหรือการบริการลูกค้า การฝึกงานจริงช่วยให้พนักงานเข้าใจงานได้เร็วและเห็นผลลัพธ์จากการลงมือทำ
- Microlearning – การอบรมแบบสั้น กระชับ ที่ช่วยให้พนักงานเรียนรู้ได้เร็วและนำไปใช้ได้ทันที เหมาะกับพนักงานที่ต้องการพัฒนาทักษะเฉพาะจุดในเวลาที่จำกัด
- Blended Learning – ผสมผสานการเรียนออนไลน์และการอบรมแบบเจอตัว เหมาะกับองค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่นแต่ยังคงไว้ซึ่งการมีปฏิสัมพันธ์ในการเรียนรู้
- Simulation & Gamification – การฝึกอบรมที่ใช้การจำลองสถานการณ์หรือเกมเพื่อเพิ่มความสนุกและการมีส่วนร่วม เหมาะกับพนักงานที่ต้องการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง
HR ต้อง “เข้าใจ” พนักงาน ไม่ใช่แค่ “จัดให้มี” การอบรม
HR หลายคนมองว่าหน้าที่ของตนคือการหาโปรแกรมฝึกอบรมที่ดีที่สุด แล้วส่งพนักงานเข้าไปเรียน แต่สิ่งที่มักถูกมองข้ามคือ พนักงานขององค์กรนั้นต้องการอะไรจริง ๆ
องค์กรที่เทรนนิ่งประสบความสำเร็จมักใช้วิธี “รับฟัง” พนักงานก่อนเลือกหลักสูตร HR ควรมีบทสนทนากับหัวหน้าทีมและพนักงานว่าทักษะอะไรที่พวกเขารู้สึกว่าต้องการพัฒนา และรูปแบบการเรียนรู้แบบไหนที่พวกเขารู้สึกว่าได้ผลดี
ตัวอย่างหนึ่งที่ฉันเคยเห็นคือ องค์กรแห่งหนึ่งที่เลือกใช้วิธีให้พนักงานทดลองเรียนเนื้อหาบางส่วนล่วงหน้า และให้ฟีดแบ็กว่ารูปแบบไหนเหมาะกับพวกเขามากที่สุด ผลที่ได้คืออัตราการนำความรู้ไปใช้จริงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เทรนนิ่งที่ได้ผล ต้อง “เหมาะกับองค์กร” ไม่ใช่แค่ “เหมือนองค์กรอื่น”
การ เทรนนิ่งพนักงาน ที่ดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับงบประมาณหรือชื่อเสียงของวิทยากรเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับว่ารูปแบบนั้นสอดคล้องกับวิธีการเรียนรู้และบริบทขององค์กรหรือไม่
HR ที่สามารถออกแบบการฝึกอบรมที่ “ตรงจุด” แทนที่จะเลือกแบบ “ตามเทรนด์” จะช่วยให้องค์กรได้รับประโยชน์สูงสุดจากการพัฒนาบุคลากร เพราะในท้ายที่สุด การเรียนรู้ที่ได้ผลจริง คือการเรียนรู้ที่พนักงานสามารถนำไปใช้และสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับองค์กรได้อย่างแท้จริง
คุณเบื่อหรือไม่? กับสิ่งเหล่านี้
การจัดเทรนนิ่งที่ ไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน พนักงานขาดแรงจูงใจในการเข้าร่วม ไม่สอดคล้องกับความต้องการขององค์กร ถึงเวลาเปลี่ยนแปลง! ให้เราช่วยคุณสร้างโปรแกรมการฝึกอบรมที่มีประสิทธิภาพและน่าสนใจ ปรึกษา L&D Consultant ผู้เชี่ยวชาญของเรา รับการออกแบบ Training Roadmap ที่ตอบโจทย์องค์กรของคุณ เริ่มต้นการพัฒนาบุคลากรที่สร้างผลลัพธ์จริงตั้งแต่วันนี้
ปรึกษา L&D Consultant จาก The Blacksmith ฟรี! พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ คลิกลงทะเบียน