ในปี 2025 การ corporate training จะมีความสำคัญยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยีและสภาพแวดล้อมการทำงานทำให้ทักษะบางอย่างกลายเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง องค์กรที่มองการณ์ไกลจะต้องใส่ใจพัฒนาเฉพาะทักษะเหล่านี้ เพื่อให้พนักงานพร้อมรับมือกับความซับซ้อนและความท้าทายใหม่ ๆ ที่อาจเกิดขึ้น
ทักษะการใช้ Data Analytics และการอ่านข้อมูลเชิงลึก
ในยุคที่ข้อมูลเป็นทรัพย์สินสำคัญขององค์กร Data Analytics กลายเป็นทักษะที่ขาดไม่ได้สำหรับพนักงานในหลากหลายระดับ ไม่ใช่แค่ตำแหน่งงานในสายข้อมูลเท่านั้น แต่แม้กระทั่งตำแหน่งด้านการตลาด การขาย หรือแม้แต่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลเองก็ต้องมีความสามารถในการใช้ข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจ การอบรมให้พนักงานมีความรู้พื้นฐานด้านการวิเคราะห์ข้อมูล เช่น การใช้เครื่องมืออย่าง Excel, Google Analytics หรือแม้แต่เครื่องมือขั้นสูงเช่น Power BI และ Tableau จะช่วยให้พวกเขาสามารถตีความข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การมองข้ามทักษะนี้อาจทำให้องค์กรเสียเปรียบในการตัดสินใจสำคัญ การรู้จักวิเคราะห์และอ่านข้อมูลเชิงลึกจะช่วยให้พนักงานมองเห็นแนวโน้มและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงทำให้พวกเขาสามารถคาดการณ์และปรับกลยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว
การคิดเชิงวิพากย์ (Critical Thinking) และการตัดสินใจ
การคิดเชิงวิพากย์หรือ Critical Thinking เป็นอีกทักษะที่ต้องได้รับการพัฒนาและไม่ควรมองข้ามในยุคที่ข้อมูลมีมากมายจนทำให้เกิดความสับสน พนักงานทุกคนควรได้รับการอบรมให้สามารถวิเคราะห์ปัญหาอย่างมีเหตุผล ตั้งคำถามเชิงสร้างสรรค์ และประเมินข้อดีข้อเสียของตัวเลือกต่าง ๆ ก่อนการตัดสินใจ การมีทักษะนี้จะช่วยให้พนักงานไม่ถูกชักจูงด้วยข้อมูลลวงหรือข้อมูลที่ขาดความน่าเชื่อถือ และยังช่วยให้การตัดสินใจในโครงการต่าง ๆ มีความรอบคอบและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ความสามารถในการวิเคราะห์และตัดสินใจที่ถูกต้องจึงมีผลต่อความสำเร็จขององค์กรอย่างมาก การพัฒนาทักษะ Critical Thinking จะทำให้พนักงานมีศักยภาพในการรับมือกับปัญหาที่ยากขึ้นอย่างมืออาชีพ
ทักษะดิจิทัลขั้นสูง: จาก AI ไปถึงการทำ Automation
ปี 2025 เป็นยุคที่การทำงานดิจิทัลไม่ได้จำกัดอยู่แค่การใช้โปรแกรมพื้นฐานอีกต่อไป พนักงานควรได้รับการอบรมให้เข้าใจการใช้ AI, การทำ Automation และการเขียนโปรแกรมเบื้องต้น แม้ว่าพนักงานทั่วไปอาจไม่จำเป็นต้องเขียนโปรแกรมเอง แต่การเข้าใจว่า Automation และ AI ทำงานอย่างไร จะช่วยให้พวกเขารู้วิธีประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ในงานประจำวันได้ เช่น การสร้างสูตรหรือ workflow automation ง่าย ๆ เพื่อทำให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือใช้ AI วิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ
การไม่สนใจทักษะนี้อาจทำให้องค์กรต้องพึ่งพาทรัพยากรภายนอกมากเกินไป และอาจไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาองค์กรได้อย่างเต็มที่
การทำงานร่วมกันผ่าน Digital Collaboration Tools
ในปี 2025 การทำงานร่วมกันระยะไกลและการทำงานแบบไฮบริดยังคงมีบทบาทสำคัญ พนักงานจำเป็นต้องมีทักษะการใช้ Digital Collaboration Tools อย่างเชี่ยวชาญ เช่น Microsoft Teams, Slack, Asana, และ Miro เพื่อให้สามารถสื่อสารและทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะทำงานจากสถานที่ต่าง ๆ การที่พนักงานมีความเข้าใจการใช้เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้องค์กรสามารถทำงานได้อย่างคล่องตัว สร้างความต่อเนื่องในกระบวนการทำงาน และลดการติดขัดในเรื่องการสื่อสารที่อาจเกิดขึ้นจากระยะทาง
การละเลยทักษะนี้จะทำให้การทำงานร่วมกันระหว่างทีมมีปัญหา การติดตามงานล่าช้า และอาจสร้างความไม่เข้าใจในการสื่อสารระหว่างพนักงานได้
Emotional Intelligence (EQ) และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง
ทักษะ Emotional Intelligence (EQ) เป็นสิ่งที่องค์กรควรเน้นมากขึ้นในปี 2025 พนักงานควรได้รับการอบรมในด้านการเข้าใจและจัดการอารมณ์ของตนเอง รวมถึงการรับมือกับความเครียดหรือการเปลี่ยนแปลงในที่ทำงาน การมี EQ ที่ดีจะช่วยให้พนักงานสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น และมีความยืดหยุ่นในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ
การเพิกเฉยต่อทักษะ EQ อาจทำให้พนักงานไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่ ๆ หรือเกิดความเครียดสะสมที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและประสิทธิภาพในการทำงานได้
Corporate Training ต้องเน้นทักษะเฉพาะเพื่อรับมืออนาคต
การอบรมองค์กรที่มีประสิทธิภาพในปี 2025 ต้องไม่เพียงเน้นการฝึกอบรมทั่วไป แต่ควรออกแบบให้เฉพาะเจาะจงกับทักษะที่จำเป็นในอนาคต โดยเฉพาะทักษะดิจิทัล การคิดเชิงวิเคราะห์ การทำงานร่วมกันด้วยเครื่องมือออนไลน์ และการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์
การเตรียมพร้อมพนักงานในทักษะเหล่านี้ไม่เพียงเป็นส่วนสำคัญให้องค์กรสามารถแข่งขันได้ในสภาวะที่เปลี่ยนแปลงเร็ว แต่มันคือเสริมสร้างความมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว