การพัฒนาบุคลากรกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร การ in house training หรือการอบรมภายในองค์กรจึงเป็นส่วนสำคัญที่ไม่ควรจัดไปแบบส่งๆ การจัดอบรมที่ไม่มีประสิทธิภาพและไม่ตอบโจทย์ยุคสมัยจึงเป็นการสูญเปล่าทั้งเวลาและทรัพยากร เพราะการเรียนรู้และพัฒนาไม่ได้เกิดจากการจัดอบรมครั้งเดียวจบเหมือนในอดีตอีกต่อไป หากองค์กรยังคงยึดติดกับแนวทางการอบรมแบบเดิมที่ล้าหลัง ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่เป็นไปตามเป้าหมายและไม่ช่วยให้พนักงานนำความรู้ไปใช้ได้จริง
ปี 2025 เป็นปีที่เราควรหันกลับมาพิจารณาการจัดอบรมให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงและการเรียนรู้ในโลกยุคใหม่ ถึงเวลาแล้วที่จะทบทวนข้อผิดพลาดและสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในการ in house training เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
การบรรยายแบบด้านเดียวโดยไม่มีการมีส่วนร่วม
หนึ่งในข้อผิดพลาดที่หลายองค์กรยังคงทำคือการใช้รูปแบบการบรรยายแบบด้านเดียว ซึ่งเน้นการให้ข้อมูลมากกว่าการมีส่วนร่วมของผู้เข้าร่วมอบรม การบรรยายโดยไม่มีการโต้ตอบหรือไม่มีการกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดนั้นมักทำให้พนักงานรู้สึกเบื่อหน่ายและไม่สามารถจดจำเนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปี 2025 เป็นปีที่ควรหยุดทำสิ่งนี้และปรับการอบรมให้เป็นการมีส่วนร่วมที่แท้จริง การทำให้พนักงานมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ผ่านการทำงานกลุ่ม กิจกรรมจำลองสถานการณ์ หรือการตั้งคำถามและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น จะช่วยเพิ่มการจดจำและการประยุกต์ใช้ความรู้ได้ดียิ่งขึ้น
การใช้เนื้อหาเดียวกับทุกกลุ่มพนักงานโดยไม่คำนึงถึงความต้องการเฉพาะ
อีกหนึ่งข้อผิดพลาดที่ควรหยุดทำคือการออกแบบหลักสูตรที่เหมือนกันสำหรับพนักงานทุกคนโดยไม่คำนึงถึงระดับทักษะหรือความต้องการเฉพาะของแต่ละคน การอบรมที่มีประสิทธิภาพควรปรับให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย หากองค์กรยังคงใช้เนื้อหาเดียวกันสำหรับทุกกลุ่มพนักงาน เช่น ผู้จัดการและพนักงานทั่วไป โอกาสที่จะเกิดการเรียนรู้ที่แท้จริงย่อมลดลง การปรับหลักสูตรให้ตรงกับระดับทักษะและความต้องการของแต่ละกลุ่มจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการเรียนรู้และทำให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองได้รับความใส่ใจ
การมองข้ามเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการอบรม
แม้ว่าเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในทุกด้าน แต่หลายองค์กรยังคงจัด in house training แบบเก่า โดยไม่ใช้เทคโนโลยีที่ช่วยเสริมประสบการณ์การเรียนรู้ การใช้เทคโนโลยี เช่น Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR) สามารถทำให้การอบรมมีความสมจริงและสนุกมากยิ่งขึ้น ช่วยให้พนักงานได้ฝึกฝนในสถานการณ์จำลองที่ใกล้เคียงกับการทำงานจริง หรือแม้แต่การใช้ Learning Management System (LMS) เพื่อให้พนักงานสามารถเรียนรู้ได้ตามจังหวะของตนเองและทบทวนเนื้อหาได้ตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้จะทำให้การอบรมมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
การไม่ใส่ใจนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการอบรมจึงเป็นข้อผิดพลาดที่ควรหยุดทำ เพราะการพัฒนาพนักงานในปี 2025 ต้องการความยืดหยุ่นและการปรับตัวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ การละเลยเทคโนโลยีในขณะนี้อาจทำให้องค์กรเสียโอกาสในการเพิ่มขีดความสามารถของพนักงานได้
การอบรมที่ไม่มีการติดตามผลหรือการประเมินความสำเร็จ
การอบรมที่ดีควรมีการติดตามผลและประเมินความสำเร็จ แต่หลายองค์กรยังคงจัดอบรมเสร็จแล้วก็จบลง โดยไม่มีกระบวนการประเมินผลหรือการติดตามว่าพนักงานได้นำความรู้ไปประยุกต์ใช้จริงหรือไม่ การประเมินหลังการอบรมเพื่อให้รู้ว่าพนักงานมีความเข้าใจในเนื้อหาและสามารถนำไปปรับใช้ได้จริงนั้นเป็นสิ่งสำคัญ การติดตามผลจะช่วยให้องค์กรสามารถวัดความคุ้มค่าของการลงทุนในด้านการอบรม และสามารถปรับปรุงหลักสูตรในครั้งต่อไปได้อย่างเหมาะสม
ในปี 2025 การมีระบบติดตามผลที่มีประสิทธิภาพ เช่น การทำแบบทดสอบ การทำงานร่วมกับหัวหน้างานเพื่อประเมินผลการใช้งานจริง จะช่วยให้องค์กรสามารถรู้ได้ว่าการอบรมมีประสิทธิภาพหรือไม่ และปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต
การจัดอบรมที่ไม่เน้นการนำไปใช้งานจริง
สุดท้ายแล้ว การอบรมที่เน้นเพียงการให้ข้อมูลอย่างเดียวโดยไม่เน้นการนำไปใช้ในงานจริงเป็นข้อผิดพลาดที่ควรหยุดทำ หลายองค์กรยังคงจัดการอบรมที่เน้นเนื้อหาเชิงทฤษฎี แต่พนักงานกลับไม่สามารถนำไปใช้งานได้จริง การทำให้การอบรมมีความเชื่อมโยงกับการปฏิบัติงานจริงจะช่วยให้พนักงานเข้าใจเนื้อหาอย่างลึกซึ้งและสามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเน้นการฝึกปฏิบัติและการเรียนรู้ผ่านการทดลองจริง จะทำให้พนักงานจดจำและใช้ทักษะได้ดีกว่าการฟังบรรยายเพียงอย่างเดียว
สรุป: การปรับตัวเพื่อให้ In House Training ปี 2025 มีประสิทธิภาพสูงสุด
การพัฒนา in house training ในปี 2025 ต้องไม่ใช่เพียงแค่การจัดอบรมอย่างเป็นกิจจะลักษณะ แต่ควรเป็นการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่สอดคล้องกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การหยุดทำข้อผิดพลาดเดิม ๆ เช่น การบรรยายแบบด้านเดียว การใช้เนื้อหาเดียวกับทุกกลุ่ม การละเลยเทคโนโลยี การไม่ติดตามผล และการอบรมที่ไม่เชื่อมโยงกับการใช้งานจริง จะทำให้การอบรมในองค์กรมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสร้างความพร้อมให้กับพนักงานในการเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลง