สิ่งที่หลายองค์กรไม่ตระหนัก: การสื่อสาร (Communication) ที่มีประสิทธิภาพไม่ได้เกิดจากการพูดเก่งหรืออธิบายได้คล่องแคล่วเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการฟังอย่างแท้จริง หรือที่เราเรียกว่า Deep Listening องค์กรที่มุ่งเน้นเพียงแต่การสื่อสารแบบด้านเดียว โดยไม่ให้ความสำคัญกับการฟังความต้องการ ความรู้สึก และปัญหาของพนักงาน มักจะพบปัญหาในการสร้างความเข้าใจร่วมกันในระยะยาว
Deep Listening คืออะไร?
Deep Listening ไม่ได้หมายถึงการฟังเพียงเพื่อรอจังหวะที่จะพูดต่อ แต่คือการฟังด้วยความตั้งใจ ฟังอย่างเข้าใจถึงความรู้สึก ความหมาย และสิ่งที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของผู้พูด มันเป็นการเปิดใจและเปิดพื้นที่ให้กับผู้อื่นได้แสดงออกโดยไม่ถูกขัดจังหวะ การสื่อสารที่เกิดขึ้นจากการฟังแบบลึกซึ้งนี้จึงมีความหมายและมีคุณภาพมากกว่าการสนทนาเพียงเพื่อบรรลุเป้าหมายอย่างเดียว
ทำไม Deep Listening ถึงสำคัญต่อการพัฒนา Communication ในองค์กร?
1. การสร้างความเชื่อมั่นระหว่างทีม:
เมื่อผู้นำหรือผู้จัดการสามารถฟังพนักงานได้อย่างลึกซึ้ง พนักงานจะรู้สึกว่าพวกเขามีค่าและเป็นที่ยอมรับ สิ่งนี้ไม่เพียงแค่ช่วยลดความเครียดในที่ทำงาน แต่ยังส่งเสริมให้ทีมทำงานด้วยความร่วมมือและมีความรับผิดชอบมากขึ้น
2. ลดปัญหาความเข้าใจผิด:
ในหลายๆ ครั้ง ปัญหาในองค์กรเกิดขึ้นจากการสื่อสารที่ไม่ครบถ้วนหรือไม่ชัดเจน การฟังอย่างลึกซึ้งทำให้เราสามารถเข้าใจปัญหาที่แท้จริงได้ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความเข้าใจผิดหรือความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น
3. สร้างบรรยากาศการทำงานที่เปิดเผย:
การให้ความสำคัญกับการฟังที่แท้จริงในทีมช่วยสร้างบรรยากาศที่ผู้อื่นรู้สึกว่าเขาสามารถแสดงความคิดเห็นและแชร์ปัญหาได้โดยไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ การสนับสนุนให้เกิดการสื่อสารที่เปิดเผยนี้ช่วยทำให้ทีมมีความเข้มแข็งและทำงานอย่างโปร่งใสมากขึ้น
4. เพิ่มประสิทธิภาพการแก้ปัญหา:
เมื่อคุณฟังปัญหาและความคิดเห็นจากทุกมุมมอง คุณจะมีข้อมูลที่มากพอในการตัดสินใจและแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ ความสามารถในการฟังอย่างลึกซึ้งนี้เป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาทักษะ Critical Thinking และการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์
วิธีการพัฒนา Deep Listening ในองค์กร
1. ฝึกการฟังโดยไม่ขัดจังหวะ:
ผู้นำและพนักงานควรเรียนรู้ที่จะฟังโดยไม่ตัดสิน และไม่ขัดจังหวะคำพูดของผู้พูด ลองฟังจนจบก่อน แล้วจึงค่อยตอบกลับด้วยการแสดงความเข้าใจสิ่งที่ผู้พูดสื่อสารออกมา
2. ใช้ภาษากายเพื่อแสดงความสนใจ:
การสื่อสารผ่านภาษากาย เช่น การสบตาและพยักหน้า จะช่วยให้ผู้พูดรู้สึกว่าคุณกำลังตั้งใจฟังจริงๆ และทำให้บรรยากาศการสนทนาเป็นมิตรมากขึ้น
3. ถามคำถามเพื่อความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้น:
แทนที่จะตอบโต้ทันที ลองถามคำถามเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้น สิ่งนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจเนื้อหาที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของผู้พูดได้ดีขึ้น
Deep Listening ทำให้ Communication ของคุณดีขึ้นอย่างไร?
การฟังอย่างลึกซึ้งไม่ได้เพียงแค่ช่วยปรับปรุงการสื่อสารในองค์กรเท่านั้น แต่มันยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ปัญหา ลดความเครียด และสร้างบรรยากาศที่ทุกคนรู้สึกว่าเขามีคุณค่า การสื่อสารที่มีคุณภาพไม่ใช่เพียงแค่การพูดเก่ง แต่คือการฟังที่ให้ความหมายและนำไปสู่ความเข้าใจที่ลึกซึ้ง
สรุป: หากคุณต้องการพัฒนาทักษะ Communication ในองค์กร อย่าลืมฝึกฝนทักษะ Deep Listening การฟังอย่างตั้งใจและลึกซึ้งคือกุญแจสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นและความร่วมมือในทีม ความสำเร็จที่ยั่งยืนเกิดขึ้นได้จากการสื่อสารที่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่การพูดเก่งเท่านั้น
คุณเบื่อหรือไม่? กับสิ่งเหล่านี้
การจัดเทรนนิ่งที่ ไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน พนักงานขาดแรงจูงใจในการเข้าร่วม ไม่สอดคล้องกับความต้องการขององค์กร ถึงเวลาเปลี่ยนแปลง! ให้เราช่วยคุณสร้างโปรแกรมการฝึกอบรมที่มีประสิทธิภาพและน่าสนใจ ปรึกษา L&D Consultant ผู้เชี่ยวชาญของเรา รับการออกแบบ Training Roadmap ที่ตอบโจทย์องค์กรของคุณ เริ่มต้นการพัฒนาบุคลากรที่สร้างผลลัพธ์จริงตั้งแต่วันนี้
ปรึกษา L&D Consultant จาก The Blacksmith ฟรี! พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ คลิกลงทะเบียน